และไม่ก่อให้เกิดความร้อนสูง ส่งผลให้เครื่องปรับอากาศไม่ต้องทำงานหนักอีกด้วย
หลอดแอลอีดีในปัจจุบันมีการออกแบบที่หลากหลายเพื่อให้สามารถนำไปใช้งานกับโคมไฟเดิมที่เรามีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการทดแทนหลอดไฟ หรือหลอดคอมแพคต์ฟลูออเรสเซนต์ที่ใช้ขั้วเกลียว E27 หลอดฮาโลเจนแบบ MR16 และ GU10 ที่นิยมใช้กับโคมไฟสปอร์ทไลท์ หลอดฟลูออเรสเซนต์แบบกลม FCL ที่ติดตั้งในโคมไฟเพดานแบบกลม และหลอดฟลูออเรสเซนต์ T8 แบบยาวยอดนิยมที่ใช้ตั้งแต่สำนักงานไปจนถึงที่อยู่อาศัย
ดังนั้น HomeGuru จึงขอแนะนำให้หันมาช่วยกันใช้หลอดไฟแอลอีดี ซึ่งมีรูปแบบหลากหลายเพื่อใช้ทดแทนหลอดไฟแบบต่างๆ กันดีกว่า อีกทั้งจะช่วยลดค่าใช้จ่าย และมอบความสว่างไสวที่เหมาะสมเพื่อทุกการใช้งานอีกด้วย
![]() | ![]() | ![]() |
|---|
การเลือกซื้อหลอดแอลอีดีสำหรับโคมที่ใช้ขั้ว E27 นั้น ต้องสังเกตว่าดวงโคมออกแบบมาเพื่อใช้งานแบบใด เป็นโคมแขวนเพดาน หรือโคมดาวน์ไลท์ เป็นต้น เพราะหลอดไส้และหลอดประหยัดไฟนั้นเปล่งแสงแบบรอบทิศทาง ขณะที่ตัวกำเนิดแสงของหลอดแอลอีดีนั้นมักให้แสงเพียงทิศทางเดียว ดังนั้นหลอดแอลอีดีจึงมีการออกแบบที่หลากหลาย ใช้แผงแอลอีดีหลายชิ้นหรือหลายขนาดเพื่อให้เปล่งแสงออกมาอย่างเหมาะสมกับโคมไฟแบบต่างๆ นั่นเอง ดังนั้นจึงควรศึกษาก่อนเลือกซื้อ หากไม่แน่ใจ ให้ถ่ายภาพโคมไฟ และนำหลอดไส้และหลอดประหยัดไฟตัวเก่าไปให้พนักงานดูด้วย เพื่อเลือกหลอดแอลอีดีที่ทดแทนได้อย่างสมบูรณ์แบบ
![]() | ![]() | ![]() |
|---|
![]() | ![]() | ![]() |
|---|
หลอดไฟแอลอีดี T8 ชนิดแรก ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ต้องการใช้โคมไฟหลอดฟลูออเรสเซนต์ของ “เดิม” จึงออกแบบหลอดแอลอีดีและสตาร์ทเตอร์ชนิดพิเศษที่จะขายมาพร้อมกับหลอด การติดตั้งจึงง่ายดาย เพียงเปลี่ยนสตาร์ทเตอร์ตัวเดิมออก สลับใส่สตาร์ทเตอร์ตัวใหม่ที่มาพร้อมชุดหลอดไฟ จากนั้นใส่หลอดแอลอีดีเข้าไปก็ใช้งานได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องถอดบัลลาสต์เดิมออก ![]() | ![]() | ![]() |
|---|
ชนิดที่สอง หลอดไฟแบบเข้าขั้วสองทาง หรือ Double-ended ซึ่งมีเพียงตัวหลอดเท่านั้น ออกแบบมาเพื่อใส่สำหรับโคมไฟติดตั้ง “ใหม่” ที่มีการเดินสายไฟเข้าจากขั้วหลอดทั้งสองด้าน โดยไม่ต้องใช้บัลลาสต์และสตาร์ทเตอร์ สำหรับกรณีที่นำไปใช้กับโคมไฟเดิมนั้น สิ่งแรกทีต้องทำคือการถอดสายไฟที่ต่อเข้า-ออกตัวบัลลาสต์ (คุณอาจจะถอดบัลลาสต์ด้วยหากทำได้ง่าย หรือปล่อยทิ้งไว้ก็ไม่มีปัญหาใดๆ) จากนั้นนำสายไฟที่เคยต่อเข้า-ออกมาต่อเชื่อมด้วยกันด้วยลูกเต๋าต่อสายไฟเพื่อความปลอดภัย ส่วนสตาร์ทเตอร์นั้นก็ถอดออกได้เลย จากนั้นใส่หลอดแอลอีดีเข้าไปก็ใช้งานได้ทันที
ชนิดที่สาม หลอดแบบไฟเข้าขั้วทางเดียว หรือ Single-ended ซึ่งมีเพียงตัวหลอดเช่นกัน หลอดชนิดนี้มีขั้วไฟ L และ N (บวก-ลบ) อยู่ฝั่งเดียว นอกจากสังเกตุบนฉลากได้แล้ว บริเวณขั้วหลอดจะระบุไว้อย่างชัดเจน สำหรับกรณีติดตั้งโคมไฟ “ใหม่” นั้น เพียงให้ช่างเดินสายมายังขั้วหลอดฝั่งเดียว โดยไม่ต้องใช้บัลลาสต์และสตาร์ทเตอร์ สำหรับกรณีนำมาไปใช้กับโคมไฟ “เดิม” จำเป็นต้องการถอดสายไฟที่ต่อเข้า-ออกตัวบัลลาสต์ แล้วนำมาต่อเชื่อมด้วยกันด้วยลูกเต๋าต่อสายไฟ จากนั้นต้องย้ายสายไฟขั้วบวกและลบซึ่งเดิมต่อเข้าขั้วหลอดทั้งด้านซ้ายและขวา ให้มาเข้าขั้วหลอดเพียงฝั่งเดียวซึ่งอาจไม่สะดวกในการติดตั้งเอง แต่กรณีให้ช่างไฟมาปรับแก้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องง่าย ทำได้รวดเร็ว และไม่ซับซ้อนสำหรับช่างไฟทั่วไป
การเลือกหลอดไฟแอลอีดีนั้น HomeGuru ขอแนะนำให้เลือกใช้แบรนด์ผู้ผลิตชั้นนำที่คัดสรรและจำหน่ายโดยตัวแทนจำหน่ายที่เชื่อถือได้ เพราะปัจจุบันมีหลอดแอลอีดีไม่ได้มาตรฐานในท้องตลาดมากมาย ซึ่งมักกระจายแสงได้ไม่ดี ให้ความสว่างไม่ตรงตามฉลาก และอายุการใช้งานสั้น แม้ราคาถูกแต่ไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป ท้ายสุดนี้ การติดตั้งหรือเปลี่ยนแปลงระบบไฟต้องคำนึงถึงความปลอดภัย หากไม่แน่ใจผลิตภัณฑ์ใด ควรปรึกษาพนักงานขายในเรื่องการนำไปใช้งาน และหากไม่แน่ใจเรื่องการติดตั้ง ควรให้ช่างที่ชำนาญมาติดตั้งเท่านั้น
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิก
เพื่อเพิ่มรายการโปรดของคุณ